วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

1.โทรศัพท์ที่นักเรียนใช้
ตอบ
- ยี่ห้อ :TRUE 
- รุ่น  :

True Super3 (Black)

- CPU : Spreadtrum 7701
- RAM : 3G 2G 850/900/2100
- ROM:128 MB (ROM)
True Super3

2. บอกขั้นตอนดู Version ของระบบปฏิบัติการได้อย่างไร
1. ไปที่ ตั้งค่า.....
2. ..
ที่หัวข้อ Internet & Wireless > คลิกที่ Networ
 

 
 

 ด้านซ้ายคลิกเลือกที่ Ethernet > และคลิกที่ปุ่ม Advanced…
 

 
 
 
4. คลิกที่แถบ Proxies > คลิกเลือกที่ Web Proxy (HTTP) > และที่ Web Proxy ให้ใส่ค่าเป็น proxy.trueinternet.co.th : 8080 > และคลิกที่ปุ่ม OK
 

 
 
 
5. คลิกที่ปุ่ม Apply
 


3. บอกขั้นตอนการติดตั้ง App
Wireless Access Poit   (AP)   เป็นอุปกรณ์ศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายเข้าด้วยกัน
   สรุป   อาจจะกล่าวอย่างง่าย   ๆ   ได้ว่า   อุปกรณ์   Hub   คือ   Repeater   ที่มีมากกว่าสองพอร์ต   และอุปกรณ์
AP   คือ   Hubสำหรับกรเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สายนั่นเอง

Access Point AP จะมี หลาย โหมด ให้เลือกใช้ ซื้อ มาแล้ว ก็ ต้องทำการ เซ็ตค่า

ผ่านสายไฟ Powerline หรือ Homeplug คุณ ต้อง มี อินเทอร์เน็ต บ้าน ซื้อ มาแล้ว ก็ ทำการ เซ็ตค่า Powerline หรือ Homeplug ต้องใช้ ไฟ เฟส เดียวกัน ต้องใช้ เป็น คู่ Powerline หรือ Homeplug จะมี 2 ประเภท Powerline ใส่ สายแลน Powerline หรือ Homeplug Wireless

Network ชิลล์ ชิลล์ by Por&Ple 09 "Powerline" http://www.youtube.com/watch?v=BrMhFc8RDw4
Network Chil Chill #25 Powerline http://www.youtube.com/watch?v=7IexMii43oQ

แบไต๋ไฮเทค - Special Scoop - TP-Link Powerline http://www.youtube.com/watch?v=c420hN17SRY
Review TP-LINK WiFi Power Line รุ่น TL-WPA281KIT http://www.youtube.com/watch?v=0Mvm0tLiA6Y
TP-LINK TL-PA201 ตอนที่1 http://www.youtube.com/watch?v=jbgygZhQo04
สกู๊ป Powerline Adapter รายการแบไต๋ไฮเทค http://www.youtube.com/watch?v=AoXuZoWpqkE

4. บอกขั้นตอนการถอดถอน App

1. ดับเบิ้ลคลิกไฟล์ appserv-win32-x.x.x.exe เพื่อทำการติดตั้ง จะปรากฏหน้าจอตามรูปที่ 1


รูปที่ 1 ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม AppServ

2. เข้าสู่ขั้นตอนเงื่อนไขการใช้งานโปรแกรม โดยโปรแกรม AppServ ได้แจกจ่ายในรูปแบบ GNU License หากผู้ติดตั้ง
อ่านเงื่อนไขต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว หากยอมรับเงื่อนไขให้กด Next เพื่อเข้าสู่การติดตั้งในขั้นต่อไป แต่หากว่าไม่ยอมรับเงื่อนไข
ให้กด Cancel เพื่อออกจากการติดตั้งโปรแกรม AppServ ดังรูปตัวอย่างที่ 2


รูปที่ 2 แสดงรายละเอียดเงื่อนไขการ GNU License

3. เข้าสู่ขั้นตอนการเลือกปลายทางที่ต้องการติดตั้ง โดยค่าเริ่มต้นปลายทางที่ติดตั้งจะเป็น C:AppServ
หากต้องการเปลี่ยนปลายทางที่ติดตั้ง ให้กด Browse แล้วเลือกปลายทางที่ต้องการ ตามรูปที่ 3 เมื่อเลือกปลายทางเสร็จสิ้น
ให้กดปุ่ม Next เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดตั้งขั้นต่อไป


รูปที่ 3 เลือกปลายทางการติดตั้งโปรแกรม AppServ

4. เลือก Package Components ที่ต้องการติดตั้ง โดยค่าเริ่มต้นนั้นจะให้เลือกลงทุก Package แต่หากว่าผู้ใช้งาน
ต้องการเลือกลงเฉพาะบาง Package ก็สามารถเลือกตามข้อที่ต้องการออก โดยรายละเอียดแต่ละ Package มีดังนี้
– Apache HTTP Server คือ โปรแกรมที่ทำหน้าเป็น Web Server
– MySQL Database คือ โปรแกรมที่ทำหน้าเป็น Database Server
– PHP Hypertext Preprocessor คือ โปรแกรมที่ทำหน้าประมวลผลการทำงานของภาษา PHP
– phpMyAdmin คือ โปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการฐานข้อมูล MySQL ผ่านเว็บไซต์
เมื่อทำการเลือก Package ตามรูปที่ 4 เรียบร้อยแล้ว ให้กด Next เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการติดตั้งต่อไป


รูปที่ 4 เลือก Package Components ที่ต้องการติดตั้ง

5. กำหนดค่าคอนฟิกของ Apache Web Server มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ตามรูปที่ 5 คือ
Server Name   คือช่องสำหรับป้อนข้อมูลชื่อ Web Server ของท่านเช่น www.appserv.org
Admin Email    คือช่องสำหรับป้อนข้อมูล อีเมล์ผู้ดูแลระบบ เช่น root@appserv.org
HTTP Port       คือช่องสำหรับระบุ Port ที่จะเรียกใช้งาน Apache Web Server โดยทั่วไปแล้ว Protocol
HTTP นั้นจะมีค่าหลักคือ 80 หากว่าท่านต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ Port 80 ก็สามารถแก้ไขได้
หากมีการเปลี่ยนแปลง Port การเข้าใช้งาน Web Server แล้ว ทุกครั้งที่เรียกใช้งานเว็บไซต์
จำเป็นที่ต้องระบุหมายเลข Port ด้วย เช่น หากเลือกใช้ Port 99 ในการเข้าเว็บไซต์ทุกครั้งต้องใช้
http://www.appserv.org:99 จึงจะสามารถเข้าใช้งานได้


รูปที่ 5 แสดงการกำหนดค่าคอนฟิกค่า Apache Web Server

6. กำหนดค่าคอนฟิกของ MySQL Database มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน ตามรูปที่ 6 คือ
Root Password        คือช่องสำหรับป้อน รหัสผ่านการเข้าใช้งานฐานข้อมูลของ Root หรือผู้ดูแลระบบ
ทุกครั้งที่เข้าใช้งานฐานข้อมูลในลักษณะที่เป็นผู้ดูแลระบบ ให้ระบุ user คือ root
Character Sets        ใช้ในการกำหนดค่าระบบภาษาที่ใช้ในการจัดเก็บฐานข้อมูล, เรียงลำดับฐานข้อมูล,
Import ฐานข้อมูล, Export ฐานข้อมูล, ติดต่อฐานข้อมูล
Old Password          หากท่านมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน PHP กับ MySQL API เวอร์ชั่นเก่า
โดยเจอ Error Client does not support authentication protocol requested by server;                                                             consider upgrading MySQL clientให้เลือกในส่วนของ Old Password เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้
Enable MyISAM        หากท่านต้องการใช้งานฐานข้อมูลในรูปแบบ MyISAM ให้เลือกในส่วนนี้ด้วย

          

รูปที่ 6 แสดงการกำหนดค่าคอนฟิกของ MySQL Database

7. สิ้นสุดขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม AppServ สำหรับขั้นตอนสุดท้ายนี้จะมีให้เลือกว่าต้องการสั่งให้มีการรัน Apache และ MySQL
ทันทีหรือไม่ จากนั้นกดปุ่ม Finish เพื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรม AppServรูปที่ 7 แสดงหน้าจอขั้นตอนสิ้นสุดการติดตั้งโปรแกรม AppServ



5. บอก App ที่ใช้จัดการไฟล์
 App ที่ไช้ได้แก่ ......
 จัดการได้โดย.....
1. File Manager
5 แอพฯ จัดการไฟล์ที่ดีที่สุด 2016 สำหรับ Android

          แอพฯ จัดการไฟล์ตัวแรกที่แนะนำเป็นแอพฯ ที่มาพร้อมเครื่องมือครบครัน และสามารถใช้งานได้ง่าย โดยภายในตัวแอพฯ นอกจากจะสามารถดูไฟล์ หรือข้อมูลต่าง ๆ บนอุปกรณ์ Android ได้อย่างครบครันแล้ว ยังสามารถอำนวยความสะดวกในการค้นหา และแสดงรายชื่อไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจอีกด้วย รวมถึงยังสามารถเล่นไฟล์เพลง และวิดีโอได้ทันทีอีกเช่นกัน 

ดาวน์โหลด File Manager สำหรับ Android 


2. ES File Explorer File Manager
5 แอพฯ จัดการไฟล์ที่ดีที่สุด 2016 สำหรับ Android

          ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอพฯ จัดการไฟล์บน Android ที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกหนึ่งตัว ซึ่งมี 2 เวอร์ชั่นด้วยกันคือ แบบใช้ฟรีกับแบบมีค่าใช้จ่าย ซึ่งการใช้งานแต่ละตัวก็ใกล้เคียงกันคือสามารถจัดการไฟล์ได้รวดเร็วทันใจ, จัดการระบบแอพฯ ได้ และทำเป็น Dropbox Client ในตัวก็ได้อีกเช่นกัน รวมถึง ftp client ก็สามารถทำได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นจริง ๆ 

ดาวน์โหลด  ES File Explorer File Manager สำหรับ Android 4.0 ขึ้นไป (ฟรี) 

ดาวน์โหลด  ES File Explorer File Manager Pro สำหรับ Android 2.2 ขึ้นไป ราคา 106.92 บาท


3. File Explorer
5 แอพฯ จัดการไฟล์ที่ดีที่สุด 2016 สำหรับ Android

          อีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแอพฯ จัดการไฟล์ต่าง ๆ บนมือถือ Android ที่น่าสนใจ โดยภายในตัวแอพฯ นอกจากจะช่วยให้คุณดูไฟล์มากมายภายในเครื่องได้แล้ว ยังสามารถโอนย้ายไฟล์ต่าง ๆ ไปมาภายในเครื่องได้อย่างสะดวก และรวดเร็วทันใจอีกด้วย รวมถึงยังสามารถซิงก์กับระบบ Cloud ต่าง ๆ เพื่อสำรองข้อมูลได้อีกเช่นกัน แถมมีหน้าตาการใช้งานเรียบง่าย 

ดาวน์โหลด File Explorer สำหรับ Android 2.1 ขึ้นไป


4. File Commander - File Manager
5 แอพฯ จัดการไฟล์ที่ดีที่สุด 2016 สำหรับ Android

          เป็นแอพฯ สำหรับจัดการไฟล์ หรือข้อมูลภายในอุปกรณ์ Android ของคุณให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น การลบไฟล์, ย้ายไฟล์, เปลี่ยนชื่อไฟล์ และบีบอัดไฟล์ รวมถึงแชร์ไฟล์ไปยังที่ต่าง ๆ ได้ เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ แอพฯ File Commander - File Manager ยังสามารถจัดการไฟล์บนระบบ Cloud ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรกันเลยทีเดียว

ดาวน์โหลด File Commander - File Manager สำหรับ Andorid 4.0 ขึ้นไป 


5. Solid Explorer File Manager
5 แอพฯ จัดการไฟล์ที่ดีที่สุด 2016 สำหรับ Android

          แอพฯ จัดการไฟล์ Android ตัวสุดท้าย มาพร้อมเครื่องมือที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาไฟล์ในมือถือ เช่น เปิดดูไฟล์บนเครื่องได้, โอนย้ายไฟล์, รองรับการลากวาง (Drag & Drop) และเปิดไฟล์ที่บีบอัดไว้ได้ทันที เป็นต้น แต่มีจุดเด่นตรงที่รูปร่างหน้าตาสวยงาม และเรียบง่ายสไตล์ Material Design ซึ่งผู้สนใจสามารถทดลองใช้งานฟรีได้นานถึง 14 วัน

6. การรีเซ็ต เหมือนได้เครื่องใหม่
1. ไปที่
2. 

ก่อนเริ่ม

เมื่อต้องการรีเฟรชหรือรีเซ็ต คุณจะต้องตรวจสอบบางสิ่งต่อไปนี้เป็นอันดับแรก

หน้าจอสัมผัส Surface ของคุณทำงานหรือไม่?

หากคุณมีปัญหากับหน้าจอสัมผัสของ Surface ให้เชื่อมต่อคีย์บอร์ด เช่น ฝาปิดแบบพิมพ์ได้สำหรับ Surface หรือคีย์บอร์ด USB ก่อนที่จะลองวิธีแก้ไขเหล่านี้

7. ค้นหาโทรศัพย์หาย
ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ติดตั้งแอพพลิเคชั่นตามหาเครื่อง วิธีการที่ง่าย และเบสิคที่สุด
นอกจากแอพพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก, แอพพลิเคชั่นเกม และแอพพลิเคชั่นพื้นฐานทั้งหลายแล้ว ยังมีแอพพลิเคชั่นอีกหนึ่งประเภทหนึ่ง ที่ควรทำความรู้จัก และควรมีไว้ประจำเครื่อง คือแอพตามหาเครื่องหาย ซึ่งแอพที่โดดเด่นที่สุดในระบบ iOS คือแอพ Find my iPhone ส่วนวิธีการใช้งานก็คือ เมื่อคุณรู้ตัวว่าเครื่อง iPhone หายไป คุณสามารถเรียกใช้บริการผ่านอุปกรณ์ iOS ชิ้นอื่นที่มีอยู่ (หรือเรียกใช้บริการจากเว็บ icloud.com ผ่านเครื่องโน้ตบุ๊คก็ยังได้) Find my iPhone ทำให้คุณสามารถเรียกดูพิกัด GPS ของอุปกรณ์ที่สูญหายบนแผนที่ได้ทันที ทำให้รู้ตำแหน่งที่อยู่อย่างคร่าวๆ ของหัวขโมย นอกจากการดูพิกัด GPS แล้ว คุณยังสามารถสั่งให้ iPhone เครื่องที่กำลังตามหาอยู่ส่งเสียงร้องออกมาดังๆ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในกรณีที่คุณมองหาว่าวางลืม iPhone ไว้ในจุดใดของบ้าน หรือในสถานการณ์ที่หัวขโมยปะปนอยู่ในฝูงชน การสั่งให้ iPhone ส่งเสียงร้อง ช่วยให้แยกแยะตัวหัวขโมยได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ Find my iPhone ยังสามารถสั่งล็อคเพื่อป้องกันไม่ให้หัวขโมยเข้าใช้งานเครื่องได้จากระยะไกล ทั้งยังสามารถสั่งลบข้อมูลในตัวเครื่องได้ด้วย ข้อดีของ Find my iPhone ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ Apple เอง คือมันสามารถติดตาม และควบคุมจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้หัวขโมยจะทำการเปลี่ยนซิมการ์ดก็ตาม และเมื่อใดที่ iPhone เครื่องที่ถูกขโมยได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เมื่อนั้นก็อยู่ในกำมือของ Find my iPhone และสิ่งที่ต้องบอกคือ แอพตัวนี้รองรับการใช้งานกับทั้ง iPad, iPod touch หรือแม้แต่เครื่อง Mac เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ใช้มัน
สำหรับสาวกเจ้าหุ่นยนต์สีเขียวก็ไม่ต้องน้อยใจ แม้ว่าระบบแอนดรอยด์จะไม่มีแอพทางด้านนี้ติดตัวมาเป็นมาตรฐาน แต่ก็มีแอพหลายตัวที่มีคุณสมบัติการทำงานคล้ายๆ กับ Find my iPhone โดยแอพตัวที่โดดเด่นที่สุดและเราอยากให้คุณลองใช้คือแอพฟรีที่มีชื่อว่า Where’s my Droid คุณสมบัติหลักของแอพตัวนี้คือเปิดโอกาสให้คุณสื่อสารกับอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่สูญหายไปโดยการส่งข้อความ SMS อาทิ เมื่อต้องการรู้ว่าขณะนี้หัวขโมยอยู่ที่ไหน ให้คุณยืมสมาร์ทโฟนของเพื่อนมาส่งข้อความ SMS ที่เป็นรหัสไปยังสมาร์ทโฟนของคุณ เมื่อได้รับข้อความแล้วก็จะตรวจสอบพิกัด GPS ของตัวมันเอง เมื่อทราบพิกัดแล้วก็จะส่ง SMS ที่บอกตำแหน่งละติจูด และลองติจูด พร้อมแนบลิงก์ของแผนที่ระบุตำแหน่งกลับมา เป็นประโยชน์ในการตามหาหัวขโมย
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสั่งให้เครื่องส่งเสียงดังๆ (แม้ตัวเครื่องปิดเสียงอยู่) ด้วยการสั่งง่านผ่าน SMS และเพื่อให้ Where’s my Droid ยังสามารถทำงานได้แม้หัวขโมยจะเปลี่ยนซิมการ์ด จึงได้มีระบบที่เรียกว่า Commander ซึ่งเป็นการสั่งงานจากระยะไกลโดยการควบคุมผ่านหน้าเว็บ ซึ่งสามารถแสดงตำแหน่งอุปกรณ์บนแผนที่ได้อย่างรวดเร็ว และคุณสามารถจ่ายเงิน 129 บาท (3.99$) เพื่อแลกกับฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีอยู่ในเวอร์ชัน Pro ของ Where’s my Droid ที่เปิดโอกาสให้คุณสั่งล็อคเครื่อง, ลบข้อมูล หรือสั่งให้กล้องหน้า-หลังทำการถ่ายภาพคนร้ายได้จากระยะไกล ซึ่งจำนวนเงินแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับราคาสมาร์ทโฟนของคุณ
นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากใน Play Store ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับแอพพลิเคชั่น Where’s my Droid

เลข IMEI มีประโยชน์ที่สุดในการตามหาสมาร์ทโฟน
อยากให้ทุกท่านได้ลองอ่าน กรณีศึกษาของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงในการติดตามหา iPhone ของเธอที่วางลืมไว้ในสถานท่องเที่ยวยามราตรีแห่งหนึ่ง และโดนขโมยไปในที่สุด (ถึงแม้เรื่องราวจะยาวไปสักนิด แต่แนะนำว่าควรอ่านให้จบเพราะมีประโยชน์มาก) โดยเธอได้ใช้ความพยายามในการค้นหาทั้งการใช้งานแอพ Find my iPhone รวมถึงการขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ราย ทำให้เธอได้ iPhone เครื่องที่หายไปกลับคืนมาในที่สุด ซึ่งดูเหมือนเป็นการงมเข็มในมหาสมุทร แต่เธอคนนี้ทำสำเร็จ!
วิธีการของเธอคือ ไปแจ้งความเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกเอกสาร ที่สามารถนำไปใช้ในการขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั้ง 3 ราย เพื่อให้ทำการตรวจสอบว่ามีใครนำสมาร์ทโฟนของเธอมาเปิดใช้บริการหรือไม่ (โดยผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือสามารถตรวจสอบได้ว่า สมาร์ทโฟนที่เข้ามาใช้งานในระบบเครือข่ายแต่ละเครื่องนั้น มีเลข IMEI ใดบ้าง) ซึ่งการที่เธอจดหมายเลข IMEI ของสมาร์ทโฟนไว้ ทำให้สามารถสาวไปถึงตัวผู้ต้องสงสัยได้ในที่สุด
และสำหรับการตรวจดูหมายเลข IMEI บนสมาร์ทโฟนของเรานั้นก็ทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นการดูจากสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่ข้างกล่องสมาร์ทโฟน หรือจะตรวจสอบโดยการกดหมายเลข *#06# ในหน้าจอโทรออกก็ได้เช่นกัน
แม้จะมีแอพพลิเคชั่นสำหรับการตามหาสมาร์ทโฟนที่สูญหายอยู่มากมายหลายตัวในท้องตลาด แต่การแกะรอยตามหาจากเลข IMEI โดยการขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่หวังผลได้มากที่สุด เนื่องจากถ้าหัวขโมยมีความชำชองในเทคโนโลยีหรือทำเป็นอาชีพ มันก็ไม่ยากเลยที่เขาหาทางถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่น หรือแม้แต่การล้างระบบ ทำให้เราไม่สามารถตามหาสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นได้อีกต่อไป ดังนั้นคงต้องตามตัวคุณเองแล้วว่า วันนี้คุณจดเลข IMEI บนสมาร์ทโฟนของคุณเก็บเอาไว้แล้วหรือยัง?


วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

1. Linux คืออะไร
ตอบ
ลินุกซ์ (Linux) และรู้จักในชื่อ กะนู/ลินุกซ์ (GNU/Linux) โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้ในความหมายที่หมายถึงระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ โดยใช้ลินุกซ์ เคอร์เนล เป็นศูนย์กลางทำงานร่วมกับไลบรารีและเครื่องมืออื่น ลินุกซ์เป็นตัวอย่างหนึ่งในฐานะซอฟต์แวร์เสรี และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทุกคนสามารถดูหรือนำโค้ดของลินุกซ์ไปใช้งาน, แก้ไข, และแจกจ่ายได้อย่างเสรี ลินุกซ์นิยมจำหน่ายหรือแจกฟรีในลักษณะเป็นแพคเกจ โดยผู้จัดทำจะรวมซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในด้านอื่นเป็นชุดเข้าด้วยกัน

2. ใคร ผู้ให้กำเนิด Linux Kernel
ตอบ

3. Linux เกิดขึ้น วันที่ เท่าใหร่
ตอบ
13 เม.ย 2012


4. Opensource คืออะไร
ตอบ
ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ[1] (อังกฤษOpen source software; ตัวย่อ: OSS) คือ ซอฟต์แวร์ที่เปิดแผยหลักการหรือแหล่งที่มาของเทคโนโลยีของซอฟต์แวร์นั้นให้บุคคลภายนอกได้ใช้ ภายใต้เงื่อนไขบางประการที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทำการแก้ไข ดัดแปลงและเผยแพร่ซอร์สโค้ดได้ ภายใต้เงื่อนไขทางข้อตกลงทางกฎหมาย เช่น สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู (จีพีแอล) และสัญญาอนุญาตแจกจ่ายซอฟต์แวร์ของเบิร์กลีย์ (บีเอสดี) ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ เพิร์ล ไฟร์ฟอกซ์ ลินุกซ์ อะแพชี เว็บเซิร์ฟเวอร์


5. GNU คืออะไร มีหลักการอย่างไร (ตอบไม่เกิน 5 บรรทัด)
ตอบ
GNU General Public License (GNU-GPL) คือ สัญญาอนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์ หรือไลเซนส์ แบบหนึ่ง ซึ่งสงวนลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์นั้น แต่อนุญาตให้บุคคลใดๆทำซ้ำ เผยแพร่ และ/หรือดัดแปลงซอฟต์แวร์นั้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และโดยเสรี
GNU General Public License มีจุดมุ่งหมายเพื่อประกันเสรีภาพของคุณในการแบ่งปันและแก้ไข “ฟรีซอฟต์แวร์” หรือ “ซอฟต์แวร์เสรี” (Free Software) เพื่อทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์จะเป็นสิ่งที่เสรีสำหรับผู้ใช้ทุกคน


6. Linux Distribution หมายถึงอะไร
ตอบ
Linux Distribution (อ่านว่า ลินุกซ์ดิสทริบิวชัน) หรือเรียกย่อๆ ว่า Linux Distro (อ่านว่า ลินุกซ์ดิสโทร) คือ ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ที่ถูกออกแบบและปรับแต่งเพื่อการแจกจ่าย โดยการนำเอาระบบปฏิบัติการลินุกซ์มาปรับแต่งและเพิ่มซอฟต์แวร์พื้นฐานต่างๆ รวมเข้าไป เช่น เพิ่มส่วนติดต่อผู้ใช้, โปรแกรมจัดการไฟล์, โปรแกรมสำหรับดูหนัง-ฟังเพลง, โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ เป็นต้น สรุปง่ายๆ ก็คือ ลินุกซ์ดิสโทรเป็นระบบปฏิบัติการลินุกซ์แบบสำเร็จรูป พร้อมใช้งาน เมื่อติดตั้งแล้วแทบจะไม่ต้องปรับแต่งหรือติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเลย ใช้งานได้ทันที เช่น Arch Linux, Debian, Ubuntu, Linux Mint, openSUSE, Red Hat และ Fedora เป็นต้น


7. Packet (โปรแกรมติดตั้ง) ของลินุกซ์ มีกี่แบบ
ตอบ
1. ติดตั้งจาก Package สำเร็จรูป
การติดตั้งโปรแกรมจาก Package สำเร็จรูป ก็จะมี 2 แบบ คือดาวน์โหลดจากอินเตอร์เนทและติดตั้งจากไฟล์ Package สำหรับติดตั้ง ในการดาวน์โหลดจากอินเตอร์เนทก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า Software Repository คือแหล่งรวบรวมไฟล์ Package ของโปรแกรมต่างๆไว้ เวลาเราจะติดตั้งโปรแกรมก็จะไปดาวน์โหลดตัว Package ของโปรแกรมมาจาก Repository ที่โปรแกรมนั้นถูกเก็บอยู่ ส่วนแบบที่ 2 คือการดาวน์โหลดไฟล์ Package สำหรับติดตั้ง ซึ่งก็จะเป็นเหมือนกันพวกไฟล์ Setup ของ Windows แหละ โหลดไฟล์มา ดับเบิ้ลคลิก Nextๆๆ เสร็จ ไฟล์พวกนี้ก็จะมีการแบ่งตาม Distribution ที่ใช้ด้วยนะ เช่นพวกสาย Redhat/Fedora/SUSE จะเป็นไฟล์ .rpm แต่ถ้าเป็นพวกสาย Debian/Ubuntu จะเป็นไฟล์ .deb ใช้ข้ามสายกันไม่ได้
หรือถ้าจะสั่งติดตั้งจาก Command line ก็จะต้องใช้ตัว Package Manager มาช่วยในการติดตั้ง เช่น ใน Ubuntu ใช้ apt-get ใน openSUSE ใช้ zypper ซึ่งวิธีการเรียกใช้คำสั่งก็อาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
2. Binary สำเร็จรูป
เป็นโปรแกรมที่ถูก compile มาเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะถูกเรียกใช้งานได้เลย ตัวอย่างเช่น Mozilla Firefox แบบที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บ ซึ่งโปรแกรมที่มาในรูปแบบนี้มีข้อดีคือโหลดมาเสร็จก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา compile ใหม่ แต่ข้อเสียก็มีคือมันอาจจะมีการตั้งค่าบางอย่างที่ไม่ตรงกับระบบของเรา ทำให้อาจจะมีปัญหาในตอนใช้งานได้
3. Compile จาก Source
โดยส่วนใหญ่ โปรแกรมที่เป็นแบบ opensource จะมีให้ลิงก์ดาวน์โหลด source code ของโปรแกรมในหน้าดาวน์โหลดเลย ซึ่งก็จะถูกบีบอัดอยู่ในรูปของไฟล์ tarball (.tar.gz, .tar.bz2, …) ก่อนจะใช้ก็ต้องเอามา untar ก่อน ถ้าใช้ GUI ก็คลิกขวาแตกไฟล์ได้เลย แต่ถ้าใช้ command line ก็ต้องใส่ parameter ตามรูปแบบการบีบอัด
ในตัวอย่างนี้ผมจะลอง compile และติดตั้งโปรแกรม desmume 0.9.7 ซึ่งเป็นโปรแกรม emulator ของเครื่อง Nintendo DS
หลังจากแตกไฟล์เสร็จก็ถึงเวลาของการ compile โปรแกรม ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องลงเครื่องมือสำหรับใช้ในการ compile ก่อน โดยถ้าเราใช้ Ubuntu จะมี package ที่ชื่อว่า build-essential ให้เราติดตั้ง
โดยส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมที่ใช้ใน Linux จะถูกเขียนโดยใช้ภาษา C หรือ C++ ซึ่งตัว build-essential นี้ก็จะรวมพวก C กับ C++ Compiler มาให้ด้วยอยู่แล้ว การ Compile โปรแกรมจาก Source หลังจากแตกไฟล์เสร็จ เราจะเจอไฟล์หลักๆ ที่อยู่ใน directory ของโปรแกรม คือ README กับ INSTALL
ไฟล์ README ควรที่จะเปิดอ่านทุกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มทำอะไร เพราะในไฟล์นี้จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของโปรแกรม, library ที่ต้องมี, หรือขั้นตอนวิธีการ compile จากนั้นก็มาดูที่ไฟล์ INSTALL ซึ่งจะบอกขั้นตอนวิธีการใช้คำสั่งต่างๆ เพื่อ compile และติดตั้งโปรแกรม หลังจากที่อ่านไฟล์ทั้ง 2 แล้ว ก็มาเริ่ม compile กันได้เลย
เปิด Terminal ขึ้นมา เข้าไปที่ path ที่เก็บไฟล์ source ไว้ แนะนำให้ใช้คำสั่ง sudo -i เพื่อเปลี่ยนเป็น root ก่อนจะดีกว่า เพราะอาจจะมีบางโปรแกรมที่ต้องใช้สิทธิ์ของ root ในการ compile และติดตั้ง จากนั้นพิมพ์คำสั่ง
คำสั่งนี้จะเป็นการปรับแต่งค่าต่างๆ สำหรับเตรียมการ compile โปรแกรม โดยจะเช็คการตั้งค่าต่างๆ ในเครื่องเรา ว่ามี library ที่ต้องการครบมั้ย ถ้ามีมันถูกเก็บอยู่ที่ไหน หรือถ้าไม่มีก็จะแสดงรายชื่อ library ที่ต้องการออกมา เพื่อให้เราติดตั้ง library ดังกล่าวให้เสร็จก่อนที่จะไปขั้นตอนถัดไป
ในขั้นตอนของการสั่ง configure นี้ เราสามารถที่จะใส่ parameter เพื่อกำหนดการตั้งค่าเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเริ่มต้นที่โปรแกรมกำหนดมาได้ เช่น เปลี่ยน path การติดตั้งของโปรแกรมให้ไปลงในที่ๆ เรากำหนด หรือไป link กับ library ที่เราเก็บไว้ในที่อื่นที่ต่างจากค่าเริ่มต้นของโปรแกรม ถ้าสั่ง configure เสร็จแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไร คำสั่งต่อไปที่ต้องทำคือ
make
เป็นการ compile โปรแกรมเพื่อสร้างไฟล์ binary ขึ้นมา ซึ่งถ้าสั่ง make เสร็จแล้วไม่มีปัญหาอะไร เราก็จะได้ไฟล์ binary ของโปรแกรมอยู่ใน directory เดียวกับ source ดังนั้นเราเลยต้องสั่งให้โปรแกรมไปอยู่ในที่ๆ ควรจะอยู่โดยใช้คำสั่ง
เพื่อเอาไฟล์ binary ของโปรแกรมไปไว้ในระบบ เพื่อให้สามารถเรียกใช้งานได้เหมือนโปรแกรมอื่นๆ
เสร็จแล้วก็ลองสั่งรันโปรแกรมดูว่าได้ผลมั้ย ถ้าได้ก็ยินดีด้วย คุณทำสำเร็จแล้ว 😉


8. บอกชื่อลินุกซ์ของแต่ละตระกูล(Distribution) มาสักตระกูลละ 3 ชื่อพร้อมตัวอย่างหน้าจอ
ตอบ















วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

1.เราต้องทำการ Defragment ใน Windows เป็นระยะ เพื่ออะไร  มีวิธีการอย่างไร
ตอบ

คอมพิวเตอร์ซื้อมาใหม่ๆ ก็เร็วอยู่หรอก แต่พอใช้ไปนานๆ เข้า กลายเป็นว่าเครื่องช้าซะงั้น ซึ่งการช้าของคอมพิวเตอร์ก็มีอยู่หลายสาเหตุครับ แต่วันนี้ ComFever.com จะพามาชมสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องช้าลงได้ นั้นก็คือการไม่ได้ Defragment ฮาร์ดดิสก์ของเราให้เป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นเอง

Defragment คืออะไร?
Defragment หรือ Defragmentation คือการให้ฮาร์ดดิสก์ของเราจัดเรียงข้อมูลซะใหม่ ซึ่งตามปกติแล้วฮาร์ดดิสก์จะจัดเก็บข้อมูลแบบสุ่ม หรือพูดง่ายๆ คือ ตรงไหนมันว่างก็ยัดมันไว้ตรงนั้นแหละ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้ฮาร์ดดิสก์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว (ซึ่งเป็นข้อดี) แต่ผลเสียที่ตามมาในระยะยาวนั้นก็แย่พอตัว ลองนึกถึง จาน 2 จาน ตามรูปครับ

2. เรามีวิธีการเปลี่ยนภาพหน้าจอใน Windows 7 อย่างไร

1. คลิกขวาบริเวณที่ว่างบน Desktop แล้วเลือก Personalize  หรือ ไปที่  ปุ่ม Start ==> Control Panel ==> Personalization (ตรงมุมขวาข้างบนที่คำว่า View by : ให้เลือกเป็น Large icon  จะได้ดูง่าย)
2. คลิ๊กที่ Desktop Background ดังรูป
personalization

3. ตรง Picture location ให้เลือกว่าต้องการจะเอารูปจาก Widows Desktop Backgrounds, Pictures Library, Top Rated Photos, Solid Colors  หรือกดเลือกที่ Browse เพื่อไปยัง Folder ที่เก็บรูป  เมื่อเลือกที่เก็บรูปได้แล้วก็สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการดังนี้
– ตรงรายการรูปที่แสดงสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกรูปทั้งหมดหรือรูปเดียว
Change picture every หากเลือกหลายรูปก็สามารถกำหนดได้ว่าจะให้เปลี่ยนทุกๆ กี่นาที
– ติ๊กถูกที่ Shuffle เพื่อให้เปลี่ยนรูปแบบสุ่ม
desktop background

3. เรามีวิธีการเปลี่ยน Themes ใน Windows 7 อย่างไร

วิธีเปลี่ยนธีมวินโดวส์ 7
ทำได้ 2 แบบ คือ แบบที่ทำไว้สำเร็จรูป และแบบทำเอง
  • แบบที่ทำไว้สำเร็จรูป ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้เลย อย่างที่เว็บของไมโครซอฟท์ก็มีให้โหลด
  • แบบทำเอง อันนี้เลือกรูป เลือกสี ได้เองตามใจชอบ จะรูปแฟน รูปกิีกก็จัดไปธี

4. เหตุใจ จึงต้องทำการพักหน้าจอ

1. คลิก Start คลิก Control Panel จากนั้นในหน้าต่าง Control Panel คลิก Appearance and Personalization

2. ในหน้าต่าง Appearance and Personalization คลิกลิงก์ Change Screen Saver


รูปที่ 1 Personalization

• จากเดสก์ท็อป
1. คลิกขวาบนเดสก์ท็อปแล้วเลือก Personalize



2. ในหน้าต่าง Personalization ให้คลิกลิงก์ Screen Saver



3.ในไดอะล็อก Screen Saver Settings ให้คลิกดร็อปดาวน์ลิสต์แล้วเลือก Screen Saver ที่ต้องการเสร็จแล้วคลิก Apply


รูปที่ 2 Screen Saver Settings

ในตัวอย่างนี้เลือกเป็นรูปภาพ (Photo)


รูปที่ 3 Screen Saver Settings

4. หากต้องการให้ Screen saver ถามพาสเวิร์ดกลับมาใช้งานอีกครั้ง ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ On resume, display logon screen เสร็จแล้วคลิก Apply

5. กำหนดวินโดวส์ทำการรัน Screen Saver ที่กำหนด เมื่อไม่มีการใช้งานเครื่องภายในเวลา (วินาที) ที่กำหนด โดยป้อนค่าที่ต้องการในกล่อง Wait ในตัวอย่างนี้กำหนดเป็น 15 นาที

6. หากต้องการตั้งค่าเพิ่มเติมให้คลิกที่ Settings (มีเฉพาะใน Screen Saver บางตัว) ระบบจะแสดงไดอะล็อก Photos Screen Saver Setting ลักษณะดังรูปด้านล่าง ให้กำหนดค่าตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิก Save


รูปที่ 4 Photos Screen Saver Setting

7. เมื่อตั้งค่าต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะกลับมาอยู่ในหน้าไดอะล็อก Screen Saver Settings ดังรูปที่ 3 ให้คลิก OK เพื่อจบการตั้วค่า Screen Saverจากนั้น

5. เราสามารถสร้าง User Account ใน Windows7 อย่างไร

ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS) ทุกระบบมีฟังก์ชั่นที่สามารถ สร้างผู้ใช้งาน (User) เพิ่มได้ตามที่ต้องการ ระบบปฏิบัติการ Windows ก็เช่นเดียวกัน โดยที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์มีมากกว่า 1 ผู้ใช้งานในเครื่องนั้นๆ เราสามารถสร้าง User Account เพื่อแยกหน้าจอ (Desktop) การใช้งานตามผู้ใช้งานนั้นๆ และกำหนดสิทธิการใช้งาน มาดูขั้นตอนการสร้าง User Account

อ่านเพิ่มเติม ได้ที่: https://www.nongit.com/blog/create-account-windows.html#prettyPhoto

6. เราสามารถสร้าง User Account ใน Windows7 ได้กี่ประเภท อะไรบ้าง

ระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS) ทุกระบบมีฟังก์ชั่นที่สามารถ สร้างผู้ใช้งาน (User) เพิ่มได้ตามที่ต้องการ ระบบปฏิบัติการ Windows ก็เช่นเดียวกัน โดยที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์มีมากกว่า 1 ผู้ใช้งานในเครื่องนั้นๆ เราสามารถสร้าง User Account เพื่อแยกหน้าจอ (Desktop) การใช้งานตามผู้ใช้งานนั้นๆ และกำหนดสิทธิการใช้งาน มาดูขั้นตอนการสร้าง User Account 1. เปิด  Control Panel จากนั้นคลิกเข้าไปที่ User Accounts 2. คลิกที่ Manage another account 3. จากนั้นจะเข้ามาที่หน้า Manage Accounts ให้คลิกไปที่ Create a new account 4. กำหนดชื่อ Account ในช่อง New account name โดยจะมีตัวเลือกสำหรับการกำหนดสิทธิบนคอมพิวเตอร์นั้นๆ 
7. User Account ใน Windows7  มีประโยชน์อย่างไร

ยูสเซอร์แอคเคานต์ (User Account windows) ก็คือบัญชีผู้ใช้งาน windows แต่ละคน นั่นเอง ซึ่งสามารถให้ผู้ใช้งานเครื่องแต่ละคนทำงานด้วยความเป็นส่วนตัว โดยข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้แต่ละคน 
ไม่ว่าจะเป็น ไฟล์เอกสารต่างๆ E-mail ใน Outlook หรือแม้กระทั้งหน้าตาของหน้าจอของแต่ละยูสเซอร์ สามารถปรับแต่งตามความเหมาะสมใช้งานแต่ละคนได้ ซึ่งจะแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยจะมีการเก็บข้อมูลเป็นส่วนตัว หรือเราเรียกกันว่าเป็น โปรไฟล์ (profile) และยังมีการกำหนดสิทธิการใช้งานของแต่ละ User ได้อีกด้วย
โดยเมื่อเข้าใช้งาน Windows 7 ก็จะสามารถเลือก user account แต่ละคน เพื่อ Log on เข้าใช้งาน

8. เราจัจับภาพหน้าจอกไปใช้งาน อย่างไร


  วิธีจับภาพหน้าจอมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สำหรับ Android ทุกแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Sony, LG และ HTC เป็นต้น ที่ผู้ใช้งานหลายคนอาจยังไม่ทราบ 

          สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ วันนี้กระปุกดอทคอมขอแนะนำวิธีจับภาพหน้าจอมือถือ (Capture Screenshot)  Android ของแต่ละแบรนด์ดัง มานำเสนอ เนื่องจากแต่ละอุปกรณ์หรือบางค่ายการใช้งานแตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธี กดปุ่ม Power (ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง) กับ Volume Down (ปุ่มลดเสียง) ค้างไว้พร้อม ๆ กัน เพื่อจับภาพ แต่ก็มีอีกหลายแบรนด์ที่ใช้วิธีต่างกันออกไป ส่วนจะมีอุปกรณ์ของค่ายไหนบ้างนั้น เราไปชมวิธีแคปหน้าจอแอนดรอยด์ของแต่ละค่ายพร้อม ๆ กันครับ